วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ที่ใดมีรัก...ที่นั่นย่อมมีทุกข์

...คลื่นลมแรงในทะเล..ยังทำให้เรือใหญ่ไปได้ไม่ถึงฝั่ง..
...แล้วจะอะไรกับความรัก  ที่จะไปถึงฝั่งได้ง่ายๆ..
...เพราะการเดินทางไปสู่รักแท้นั้น..เราอาจต้องผ่านคลื่นลมที่แรงยิ่งกว่าคลื่นลมในทะเลเสียอีก..
.......................................................................................................................................................
….ความรักเกิดขึ้นที่ใดย่อมมีทุกข์ที่นั่น..จริงๆ..
            ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคน จากคนนับร้อยนับพันที่ต้องเจอกับปัญหาความรักที่ไม่สมหวัง..บทความเรื่องราวต่อไปนี้อาจจะไปตรงกับชีวิตของใครหลายๆคนก็เป็นได้ และบางคนก็อาจกำลังจะเกิดอยู่..อยากให้เรื่องราวของข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสำหรับบางคนที่หาทางออกไม่เจอ หรือไม่รู้จะทำยังไง...
            ข้าพเจ้าอยู่กินกับสามีมา 13 ปีจะเข้าปีที่ 14 แล้ว เริ่มแรกรักอย่างว่าอะไรก็ดีเสียทุกอย่าง เป็นสามีที่ดีน่ารัก เหล้าไม่กินบุหรี่ก็ไม่ดูด ไม่ฝักใฝ่ในอบายมุขใดๆ เราทำงานด้วยกันที่บริษัทประดับยนต์แห่งหนึ่งแถวหนองแขม อยู่ห้องเช่าเล็กๆ เราช่วยกันเก็บหอมรอมริบจนมีเงินก้อนหนึ่ง  และก็ได้ซื้อรถคันนึง   แต่ก็ต้องเสียเงินไปกับการรักษาตัวของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเป็นมะเร็ง แต่เป็นแค่เซลล์มะเร็งยังไม่ถึงขั้นรุนแรงมากนักยังพอรักษาทัน ข้าพเจ้าได้กำลังใจดีจากคนรอบข้างมากมาย โดยเฉพาะเขา ที่คอยอยู่ใกล้ตลอดเวลาเจ็บป่วย พอรักษาตัวหายข้าพเจ้าต้องมีลูก และข้าพเจ้าก็ได้โซ่ทองคล้องใจมา 1 คนเป็นบุตรชายน่ารัก..ต่อมาพอมีลูกแล้วเราก็ตกลงกันว่าต้องมีบ้านแล้วแหล่ะเพราะไม่มีแค่เราสองคนแล้ว ลูกจะต้องไม่อยู่ห้องเช่าแบบนี้ เราจึงตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่ง และย้ายเข้ามาอยู่เมื่อต้นปี 53 ข้าพเจ้าคิดว่านี่แหล่ะสิ่งที่ข้าพเจ้าฝันใฝ่มานานกับการที่มีครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบแบบนี้....


..แต่แล้วสิ่งทีไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของเรา เขาเป็นคนที่ข้าพเจ้าเอ็นดูรักใคร่เหมือนน้องสาวคนนึง เที่ยวเล่นด้วยกันดูแลกันและกันมาตลอดที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อนๆที่เขาเป็นห่วงก็คอยเตือนเสมอว่าอย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนนะ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนใจกว้าง คิดแต่ทางบวกเสมอ ประกอบกับที่สามีของข้าพเจ้าก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดปกติเลยไม่ว่าเรื่องอะไรจึงทำให้ข้าพเจ้าไว้ใจเขา...เพราะความเชื่อใจมากเกินไปนี่เองที่เกือบจะทำให้ต้องเสียคนรักไป..
            เขาทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันขนาดมีลูกด้วยกัน แต่เขาไปเอาเด็กออก..บาปกรรมจริงๆ..โดยที่ข้าพเจ้าไม่ระแคะระคายอะไรเลยแม้แต่น้อย ..เนียนจริงๆ..ขั้นเทพเลยนะเนี่ย..จนในที่สุดเวรกรรมต่างๆที่เขาทำกันมันก็ทำให้จิตใจของพวกเขาต้องร้อนรนเอง..
            14 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นวันที่เหมือนกับโลกทั้งโลกหยุดหมุน หรือเป็นวันโลกแตกเลยก็ว่าได้. .สามีข้าพเจ้าเข้ามาสารภาพทุกอย่างที่เขาทำกับข้าพเจ้าด้วยใบหน้าที่เครียดและนองด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดและระคนความเสียใจ  และความสับสนเพราะเขาคงคิดว่าอาจจะไม่เหลือใครเลยถ้ามีวันนี้ ......
...เหมือนโดนฟ้าผ่าลงมากลางใจ หรือโดนตบหน้าแรงๆโดยไม่รู้ตัว..ข้าพเจ้า นิ่ง และนิ่งอยู่นานมาก ไม่มีน้ำตาซักหยดไหลออกมาให้เห็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม..มันตื้อไปหมด..เจ็บและจุกอยู่ในอก ข้าพเจ้าได้เรียกเขาทั้งสองมาคุยต่อหน้ากัน เราสามคน คงต้องมีใครเป็นฝ่ายไป..ใช่เหมือนบทเพลงที่ว่า  “ คนหนึ่งเป็นเช่นดังเพื่อนตาย คนหนึ่งเป็นดังเป็นดังลมหายใจ ใจเจ้ากรรมเจ็บช้ำเท่าไหร่  เราสามคนคงต้องมีใครเป็นฝ่ายไป ” และเขาก็ต้องเลือกข้าพเจ้า ไม่ใช่สิ เลือกที่จะอยู่กับลูกมากกว่า เพราะว่าเลือกข้าพเจ้าคงไม่ถูก เพราะเขาไม่ได้รักข้าพเจ้าเหมือนเดิมแล้ว    เราตกลงกันได้ด้วยใจที่ยังค้างคาของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่เหลือความเชื่อใจให้กับเขาทั้งสองอีกแล้ว..นี่หรือคือการตอบแทนของคนที่รักและไว้ใจ..แต่ก็ต้องขอบใจเขานะที่ทำให้ข้าพเจ้าได้คิดใหม่ ทำใหม่ ณ วันนี้..

..เหตุการณ์ครานั้นทำให้ข้าพเจ้าเป็นคนหวาดระแวง และไม่เชื่อมั่นในเรื่องรักแท้..ข้าพเจ้ากลายเป็นคนวิตกจริต คิดมากฟุ้งซ่าน จนข้าพเจ้าต้องหันมาหาทางธรรม..แต่ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่ลืมซักที เพราะใจของข้าพเจ้ามีไฟมากเกินไปในตอนนั้น..จนเหตุการณ์วันนึงเกิดขึ้นที่ทำงานของข้าพเจ้า (ปัจจุบันทำงานที่โรงเรียน ) มีเด็กนักเรียนคนนึงเขาเครียดและชอบมากินยาที่ห้องพยาบาลบ่อยๆ และไม่ชอบเข้าเรียน จนข้าพเจ้าต้องซักถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เคยมีใครมารับฟังปัญหาของเขาเลย เขามีปัญหาทางบ้านพ่อแม่เลิกกันปัจจุบันเขาอยู่กับแม่ และแม่ก็มีสามีใหม่ และไม่ค่อยสนใจเขาเลย หนำซ้ำยังถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายด้วยบ่อยครั้ง และแม่ก็เชื่อเขา เพราะคิดว่าลูกตัวเองดื้อรั้นจริงๆ..และสมควรต้องโดนสั่งสอน (เด็ก ป. 5 )..น่าสงสารเด็กจริงๆ..

....ข้าพเจ้ากลับมานอนคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายในชีวิต ตั้งแต่เล็กจนโต เจออุปสรรคและปัญหาต่างๆมามากมาย ยังอุตส่าฝ่าฟันมาได้จนทุกวันนี้  และไม่อยากให้ลูกต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหา เหมือนกับเด็กคนนั้น  ข้าพเจ้าต้องอยู่ต่อไปให้ได้เพื่อลูกของข้าพเจ้า ที่เขาได้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้าไว้ จากโรคร้าย เพราะถ้าไม่มีเขาอาจไม่มีวันนี้ก็ได้..ข้าพเจ้าเริ่มหันหน้าเข้าหาปัญหาและทำตัวใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำกับเขา..คำนึงที่เขาบอกว่า..จะขอโทษกี่ครั้งก็ไม่มีความหมาย ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังไม่ให้อภัยเขา คำพูดทุกคำก็เหมือนลมพัดผ่าน..ข้าพเจ้าได้ให้โอกาสเขาอีกครั้ง และก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว..ณ ปัจจุบัน..
*******************************************************************************
*******************************************************************************